กาฬสินธุ์แผ่นดินทองการศึกษา “โมเดลห้องเรียนสร้างสุข” เปิดกว้างให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างสูงสุด

ดร.ตรี ภูวิโคตรธนกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนหัวหินวัฒนาลัย กล่าวว่า “โรงเรียนหัวหินวัฒนาลัยได้จัดการเรียนการสอน ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 มีจำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 185 คน มีคณะครูบุคลากรจำนวนทั้งสิ้น 19 คน มีเขตพื้นที่บริการ 8 หมู่บ้าน ในเขตตำบลหัวหิน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ โดยโรงเรียนหัวหินวัฒนาลัยมีกิจกรรมเด่นในการปรับรูปแบบการเรียนการสอน ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยมีลักษณะทำให้โรงเรียนหัวหินวัฒนาลัย ปรับการเรียนการสอนให้สอดประสาน ปรับใช้ในชีวิตวิถีถิ่น ชีวิตเดิมตามบริบทของผู้เรียนแต่ละคน ทำให้โรงเรียนหัวหินวัฒนาลัยได้ออกแบบห้องเรียนพิเศษขึ้นในชื่อ “ห้องเรียนสร้างสุข หรือ H.W. Happiness Classroom” ภายใต้รูปแบบการบริหาร H.W. Happiness Model ซึ่งมุ่งเน้นให้ผู้เรียน ได้เรียนรู้ตามความถนัด สนใจ สอดรับกับความต้องการของชุมชนที่ดำรงอยู่ ซึ่งได้เริ่มทำการจัดการเรียนการสอนขึ้นในภาคเรียนที่ 2/2563 จำนวน 5 ห้องเรียน โดยเริ่มทดลองใช้กับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 , 3 , 4 และ 6 ทำให้เกิดความพึงพอใจแก่ผู้เรียน ผู้ปกครอง ชุมชน ให้การตอบรับและมีพัฒนาการที่ดีสำหรับผู้เรียนมากยิ่งขึ้น”

คณะครูและบุคลากรได้รวบรวมปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ รวมทั้งประเมินระดับผลสัมฤทธิ์ผลสำเร็จที่เกิดขึ้นในทุกระดับ มาพัฒนาปรับปรุงหลักสูตรเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ในโครงการดังกล่าวในภาคเรียนที่ 1/2564 โดยขยายห้องเรียนสร้างสุขเพิ่มมากขึ้นเป็น 10 ห้องเรียน และขยายให้นักเรียนทุกชั้นทุกคนได้เลือกเรียนรู้ตามความสนใจ ผ่านการร่วมกันกำหนดออกแบบสร้างห้องเรียนร่วมกันระหว่างครูและผู้เรียน 10 ห้องเรียน ประกอบด้วย 1. ห้องเรียนภาษาสร้างสุข 2. ห้องเรียนดนตรีสร้างสุข 3. ห้องเรียนเกมส์เพื่อการเรียนรู้ 4. ห้องเรียนศิลปะบำบัดใจ 5. ห้องเรียนทักษะอาชีพ 6. ห้องเรียนวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต 7. ห้องเรียนพลเมืองเพื่อสิ่งแวดล้อม 8. ห้องเรียนเส้นทางสู่ฝัน 9. ห้องเรียนกีฬาเพื่อความเป็นเลิศ และ 10. ห้องเรียนกีฬาสร้างสุข

ดร.ตรี ผู้อำนวยการโรงเรียนหัวหินวัฒนาลัย กล่าวเพิ่มเติมว่า “โดยคอนเซ็ปต์ห้องเรียนสร้างสุขของคณะครูและบุคลากรร่วมกันตั้งไว้ว่า “ทำไมต้องเรียนห้องนี้ การเรียนห้องนี้ทำอะไรบ้าง เรียนแล้วคุณจะได้อะไร” นี่คือการบ้านในแต่ละชั้นเรียน หรือในแต่ละห้องเรียนของห้องเรียนสร้างสุขของเรา ซึ่งจากการจัดการเรียนการสอนดังกล่าว ส่งผลให้โรงเรียนหัวหินวัฒนาลัยได้รับการยอมรับ ยกย่อง เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณะชนวงกว้าง อาทิเช่น ได้รับรางวัลดีเด่น “หนึ่งโรงเรียนหนึ่งนวัตกรรม” โรงเรียนคุณภาพประจำตำบล สพม.24 ระดับ สพฐ. ปี 2564 , รางวัลดีเด่นด้านประชาสัมพันธ์ข่าวสารและความเคลื่อนไหวกิจกรรมโรงเรียน ระดับ สพฐ. ปี 2564 , รางวัลผู้วิจัยและพัฒนานวัตกรรมสร้างสรรค์คนดี โครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ระดับประเทศ ด้านการบริหารจัดการเรียนการสอน ประจำปี 2564”

ด้านครูสราวุฒิ พลตื้อ หรือที่เด็กนักเรียนเรียกกันว่า “ครูตู้” คุณครูโรงเรียนหัวหินวัฒนาลัย กล่าวว่า “คุณครูเป็นครูสอนคอมพิวเตอร์และสิ่งแวดล้อมศึกษา สำหรับวิชาห้องเรียนสร้างสุขที่รับผิดชอบเป็นรายวิชาเพิ่มเติมในหลักสูตรเพิ่มเติมธรรมดา แต่โรงเรียนของเรามีการปรับประยุกต์ให้วิชาเหล่านั้นเป็นความสนใจของเด็กๆ นักเรียน โดยในปีแรกเราทำการทดลองอยู่ 5 ห้องเรียน แล้วต่อมามีการตอบรับที่ดีจึงขยายเป็น 10 ห้องเรียน โดยห้องเรียน 10 ห้องนั้น ก็เกิดจากความต้องการของเด็ก ๆ ใครมีความถนัดอะไรอยากพัฒนาศักยภาพอะไรก็เลือกที่จะเรียนห้องเรียนนั้น เป็นลักษณะการเลือกเรียนแบบอิสระ หรือในระดับมัธยมเรียกวิชาเลือกเสรี แต่ทุก ๆ ห้องจะมีพื้นฐานคือห้องเรียนสร้างสุข อย่างที่เห็นอยู่ด้านหลังก็เป็นห้องเรียนพลเมืองเพื่อสิ่งแวดล้อม หลักๆ คือโรงเรียนเรามีบริบทที่แตกต่างหลากหลาย เราเลยอยากให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้สิ่งที่ใกล้ตัว เรื่องของขยะ เรื่องของใบไม้ เรื่องของสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน แต่เราจะทำยังไงที่จะให้เด็ก ๆ ได้สนุก อยากที่จะทำอะไรเพื่อโรงเรียน โดยไม่ใช่การบังคับ ฉะนั้น เราก็เลยทำห้องเรียนสร้างสุขนี้ขึ้นมา ห้องเรียนพลเมืองเพื่อสิ่งแวดล้อม ก็พบว่าเด็ก ๆ สนใจเรื่องใบไม้ เรื่องการนำใบไม้มาทำอะไรได้บ้าง มาต่อยอด ไม่ว่าจะเป็นการเอาใบไม้มาย้อมสี เอาสีจากธรรมชาติมามัดย้อม มันก็เลยเกิดห้องเรียนที่มีลักษณะของการต่อยอดไปเรื่อย ๆ จากสิ่งที่เด็ก ๆ ให้ความสนใจ”

ส่วนครูจักรกฤต สบายใจ คุณครูประจำห้องเรียนเกมส์เพื่อการเรียนรู้ กล่าวว่า “เราจะนำรูปแบบการเรียนรู้ Game Base Learning ปรับประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนของเรา ซึ่งปกตินักเรียนเราจะเรียนในด้านวิชาการทั้งวันอยู่แล้ว ดังนั้นในห้องเรียน Happiness Classroom เราจึงยึดเอาคำว่า Happiness มาบวกกับ Game Base Learning ก็คือ “เปลี่ยนห้องเรียน ให้เป็นห้องเล่น” โดยที่นักเรียนที่เข้ามาเรียนในห้องเรียนนี้ ก็จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเกมส์ต่าง ๆ หลายรูปแบบ ซึ่งเราก็จะนำมาพัฒนาเป็นสื่อการเรียนการสอนในแต่ละด้าน ๆ ซึ่งเกมส์หลายคนอาจจะมองว่าเป็นสิ่งที่เป็นด้านลบมากกว่าด้านบวก แต่สำหรับผมคิดว่าเกมส์ช่วยให้นักเรียนสามารถฝึกสมอง ได้ความสนุกสนาน ฝึกให้ได้เรียนรู้ ได้วางแผน ได้ทำงานเป็นทีม ซึ่งตัวเกมส์ทำให้นักเรียนมีความสุข เมื่อนักเรียนมีความสุข สมองก็จะหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินออกมา ซึ่งจะส่งผลดีต่อนักเรียนเป็นอย่างมาก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เรากดดันนักเรียนมาก ๆ สมองนักเรียนก็จะหลั่งสารอีกสารหนึ่ง ที่เรียกกว่าคอร์ติซอล สารนี้ก็จะส่งผลเสียมากกว่าผลดีต่อนักเรียน ซึ่งมันก็จะผนวกไปกับคำว่า Happiness ก็เลยคิดว่าเกมส์เป็นตัวกระตุ้นและเป็นตัวสนับสนุนที่ดีในการเรียนรู้ ก็เลยเกิดเป็น “ห้องเรียนเกมส์เพื่อการเรียนรู้” นี้ขึ้นมา”

ตระกูล ภูพวงเพชร /รายงาน
www.kalasinnews.com