โฆษณา สสส. สุข 8 ตอน นมแม่
Автор: บัญญพนต์ เกิดคล้าย
Загружено: 2025-05-04
Просмотров: 15
สุข 8
สสส.ได้กำหนดวาระหลักในปี 2550 คือ “สุขภาวะยั่งยืน ด้วยวิถีชีวิตพอเพียง” โดยเป็นการขับเคลื่อนอย่างจริงจังให้เกิดการน้อมนำ “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” มาประยุกต์ใช้ในการสร้างเสริมสุขภาวะในทุกมิติ เพื่อเป้าหมายการก้าวไปสู่ “สุขภาวะที่ยั่งยืน” ในสังคมไทย การเผยแพร่แนวคิด “สุขภาวะยั่งยืนด้วยวิถีชีวิตพอเพียง” ด้วยสปอตโฆษณา เพื่อให้ประชาชนคนไทยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้เพื่อให้เกิดความสุขอย่างยั่งยืนนั้น ได้รับความความร่วมมือจากวงการโฆษณา ไม่ว่าจะเป็น เอเจนซี่โฆษณา บริษัท Production House ผู้ผลิตภาพยนตร์โฆษณา รวมทั้งผู้กำกับโฆษณาหลายท่าน ที่พร้อมใจกันทำงานอย่างเต็มที่ เนื่องในวาระโอกาสพิเศษที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจริญพระชนมายุครบ 80 พรรษา
การเผยแพร่แนวคิด “สุขภาวะยั่งยืนด้วยวิถีชีวิตพอเพียง” ด้วยสปอตโฆษณา เพื่อให้ประชาชนคนไทยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้เพื่อให้เกิดความสุขอย่างยั่งยืนนั้น ได้รับความความร่วมมือจากวงการโฆษณา ไม่ว่าจะเป็น เอเจนซี่โฆษณา บริษัท Production House ผู้ผลิตภาพยนตร์โฆษณา รวมทั้งผู้กำกับโฆษณาหลายท่าน ที่พร้อมใจกันทำงานอย่างเต็มที่ เนื่องในวาระโอกาสพิเศษที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจริญพระชนมายุครบ 80 พรรษา
โฆษณา สสส. นมแม่
‘นมแม่’ เริ่มต้นดี เข้าเต้าทันทีหลังคลอดใน 1 ชั่วโมง หนุน ‘10 Step’ สร้างสังคมนมแม่-ต้นทุนสุขภาพเด็กไทย
การส่งเสริมและช่วยเหลือให้แม่ได้โอบกอดลูกแบบเนื้อแนบเนื้อและสนับสนุนให้แม่สามารถเริ่มต้นเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ด้วยการนำลูกมาวางบนอกแม่ทันที และช่วยให้ลูกได้เริ่มดูดนมแม่ภายในระยะเวลา1 ชั่วโมงแรกภายหลังคลอด เป็นหนึ่งในแนวทางปฏิบัติที่สำคัญของ บันได10 ขั้นสู่ความสำเร็จของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ (Ten Steps to Successful Breastfeeding) ที่ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การยูนิเซฟ (Unicef) ให้การสนับสนุนและปกป้องให้เด็กทุกคนได้กินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน
สำหรับประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายส่งเสริม สนับสนุนให้เด็กไทยทุกคนได้กินนมแม่ตั้งแต่ 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด กินนมแม่เพียงอย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต และกินนมแม่ต่อเนื่องควบคู่อาหารตามวัยจนถึงอายุ 2 ปี หรือนานกว่านั้น โดยตั้งเป้าไว้ว่าในปี 2568 ทารกร้อยละ 50 จะได้กินนมแม่อย่างเดียวถึง 6 เดือน
เพื่อสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้มีการปฏิบัติอย่างยั่งยืนในสังคมไทย มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย จึงได้ดำเนิน โครงการสร้างสุขภาวะเด็กไทยด้วยนมแม่ ฝ่าวิกฤตโควิด-19 และสานพลังเครือข่ายสู่การขยายผล โดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อชวนทุกภาคส่วนในสังคมไทยให้มาร่วมกันสร้างต้นทุนสุขภาพและศักยภาพของเด็กไทยในศตวรรษที่ 21 โดยมีจุดเริ่มต้นที่นมแม่
ยาวนานกล่าวถึงความสำคัญของเวลา 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอดว่า เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด ที่จะช่วยให้แม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้สำเร็จหลังกลับบ้านต่อเนื่องไปจนถึงระยะเวลา 6 เดือน
“ช่วงที่ทารกอยู่ในครรภ์เป็นสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและเงียบสงบแต่สภาพแวดล้อมหลังคลอดทั้งบรรยากาศ แสงสว่าง และเสียงที่จอแจเป็นสิ่งที่น่าตกใจสำหรับเด็กทารก การที่ทารกได้อยู่ในหน้าอกของแม่ทันที่หลังคลอดจะเหมือนเป็นการปลอบประโลมทารกให้สงบลง เมื่อแม่ได้มีการลูบไล้และพูดคุยเด็กก็จะได้ยินเสียงที่คุ้นเคยตั้งแต่อยู่ในท้อง ในขณะเดียวกันยังเป็นการเพิ่มพลังกายและพลังใจทำให้แม่มีพลังมากขึ้นหลังจากผ่านระยะเวลา 9 เดือนที่รอคอย และความเจ็บปวดจากการคลอด”
นอกจากนี้การนำลูกมาวางแนบอกยังทำให้ทารกได้รับเชื้อจุลินทรีย์ที่ดีจากผิวหนังของแม่ การนำลูกเข้าเต้าและได้ดูดนมแม่ใน 1 ชั่วโมงแรก ทำให้เกิดการหลั่งของ ฮอร์โมนโปรแลคติน(prolactin) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำนมของแม่ ในน้ำนมแม่หยดแรกมีทั้งสารอาหารที่มีคุณค่าและภูมิคุ้มกันแบบสำเร็จรูปที่ส่งผ่านไปสู่ลูก และการโอบกอดยังช่วยสร้างให้เกิดสายสัมพันธ์แม่และลูกที่แน่นแฟ้น
“การนำลูกเข้าเต้าในหนึ่งชั่วโมงแรกเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ถึงลูกจะไม่ดูดเต้านม แต่การโอบกอดก็เพียงพอต่อการสร้างความสัมพันธ์ที่แนบแน่น ในกรณีที่มีความจำเป็นที่จะต้องแยกลูกออกไปอาจด้วยเหตุผลบางอย่าง ก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหาหรืออุปสรรคในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ นอกจากนี้การสนับสนุนให้ทารกได้อยู่กับแม่ตลอด 24 ชั่วโมงในลักษณะของ Rooming in
ซึ่งหัวใจสำคัญของความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้น พบว่ามีขั้นตอนสำคัญอยู่ 2 ด้านที่จะต้องทำให้เกิดขึ้นในโรงพยาบาล ตามบันได 10 ขั้นสู่ความสำเร็จของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยเฉพาะในข้อที่ 3 ส่งเสริมและช่วยเหลือให้แม่ได้โอบกอดลูกเนื้อแนบเนื้อโดยเร็วที่สุดหลังคลอด สนับสนุนแม่ทุกคนให้เริ่มต้นเลี้ยงลูกด้วยนมแม่โดยเร็วที่สุด และข้อที่ 4 แม่ควรได้รับการช่วยเหลือที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถเริ่มต้นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และจัดการกับปัญหาที่พบบ่อยได้ ทั้งท่าอุ้ม การเข้าเต้า การบีบเก็บน้ำนม เพื่อสร้างความมั่นใจว่าแม่จะสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้สำเร็จ
“ในกรณีที่ทั้งแม่และลูกไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงหลังคลอดไม่ว่าจะเป็นการคลอดตามปกติหรือการผ่าตัด ทางโรงพยาบาลไม่จำเป็นต้องแยกแม่และลูก แต่ในรายที่มีความจำเป็นต้องแยกก็ควรจะมีเจ้าหน้าที่อีกชุดที่รับช่วงต่อในการเข้ามาเตรียมตัวสอนวิธีการบีบเก็บกระตุ้นน้ำนมให้กับแม่ เมื่อแม่กับลูกพร้อมที่จะอยู่ด้วยกันก็จะสามารถให้นมลูกได้อย่างต่อเนื่องได้โดยทันที
สำหรับแม่ที่กำลังตั้งครรภ์-หลังคลอด สามารถศึกษาหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพื่อเตรียมตัวอย่างถูกต้องได้ที่ www.thaibf.com หรือที่ Facebookเพจ : Thaibf และ นมแม่ หรือดาวน์โหลดApplication : Everyday Doctor ของกรมอนามัยที่เปิดคลินิกนมแม่ออนไลน์ เพื่อให้คำปรึกษาแม่ที่มีปัญหาในการให้นมแม่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ข้อมูลบางส่วนจาก แนวหน้า
#สสส #thaihealth

Доступные форматы для скачивания:
Скачать видео mp4
-
Информация по загрузке: