#ด่วน

#ด่วน
เพื่อไทยไม่ให้ยกเลิก MOU ซัดอนุทินไร้วิสัยทัศน์
   • #ด่วน..เพื่อไทยไม่ให้ยกเลิก MOU ซัดอนุทินไ...  

ไทยเตรียมพร้อมศึกชายแดน “ไฟเขียว” แล้ว – ถ้ากัมพูชาก้าวพลาด มีสิทธิ์สูญพันธุ์ใน 72 ชั่วโมง

สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาเริ่มตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง หลังฝั่งกัมพูชามีการเสริมกำลังทหารและอวดศักยภาพอาวุธใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนจากจีน โดยเฉพาะ “สไนเปอร์ขนาด 12.7 มม.” ที่สามารถสังหารเป้าหมายได้ไกลถึง 1 กิโลเมตร รวมถึงโดรนติดอาวุธและจรวดหลายลำกล้องรุ่นใหม่ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงยืนยันว่า “ต่อให้จีนหนุนยันฟ้า” กัมพูชาก็ไม่มีวันเอาชนะไทยได้

แหล่งข่าวด้านความมั่นคงเปิดเผยว่า รัฐบาลไทยได้ “ไฟเขียว” แล้วให้กองทัพสามารถตัดสินใจตอบโต้ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากส่วนกลาง หากกัมพูชาก้าวล้ำแนวเขตอธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นการข้ามพรมแดน เล็งอาวุธ หรือเปิดฉากโจมตี ทหารไทยมีสิทธิ์ “ยิงสวนทันที” ทุกสถานการณ์

ไทยในปัจจุบันมีความพร้อมเหนือกว่ากัมพูชาในทุกด้าน ทั้งกองทัพอากาศที่มีฝูงบิน F-16 และ Gripen ระบบเรดาร์ระยะไกลกว่า 300 กิโลเมตร UAV ดาวเทียมข่าวกรอง และขีดความสามารถในการโจมตีจากระยะไกล ด้านภาคพื้นดิน กองทัพไทยมีปืนใหญ่ DTI-1 รถถัง VT-4 หน่วยรบพิเศษ และระบบ C4ISR ที่เชื่อมโยงทุกกองรบแบบเรียลไทม์ ขณะที่ระบบสนับสนุนด้านลอจิสติกส์ อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และงบประมาณกลาโหมไทยเหนือกว่าเป็นสิบเท่า

นอกจากนี้ ไทยยังได้เปรียบในเชิงเศรษฐกิจอย่างมหาศาล โดยมีขนาดเศรษฐกิจมากกว่ากัมพูชาถึงกว่า 15 เท่า หากเกิดสงคราม การปิดชายแดนเพียงไม่กี่สัปดาห์ก็เพียงพอที่จะทำให้เศรษฐกิจกัมพูชาทั้งประเทศเข้าสู่ภาวะล่มสลาย ขณะที่ไทยจะยังคงเดินหน้าได้ตามปกติ

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า สงครามยุคใหม่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ “แนวรั้วชายแดน” อีกต่อไป แต่ “แนวหน้า” ของการสู้รบเริ่มตั้งแต่บนฟ้าที่มีโดรนและขีปนาวุธ ไปจนถึงแนวป่าห่างออกไปหลายกิโลเมตรที่มีหน่วยซุ่มโจมตีและระบบเรดาร์ซ่อนอยู่ หากเกิดการปะทะจริง ไทยสามารถใช้เทคโนโลยีเหนือชั้นควบคุมสถานการณ์ได้ภายใน 72 ชั่วโมง และ “ลบศัตรูออกจากสนามรบ” ได้ตั้งแต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้ลั่นไกด้วยซ้ำ

ในขณะที่จีนยังคงใช้กัมพูชาเป็น “หมากตัวเล็ก” ในกระดานภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลก ทั้งเพื่อถ่วงดุลสหรัฐฯ ขยายอิทธิพลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเปิดตลาดขายอาวุธ ผู้เชี่ยวชาญย้ำว่า จีนอาจ “ประเมินไทยผิด” เพราะประเทศไทย “ไม่เคยหวาดกลัว” และพร้อมปกป้องผืนแผ่นดินนี้ “จนถึงหยดเลือดสุดท้าย”