"ปาฏลิคามิยวรรค-นิพพาน (พระสูตรที่ 3-4)" 30/10/62 สาย-ก่อนเที่ยง
Автор: อ.ทวีศักดิ์ คุรุจิตธรรม/กลุ่มประสิทธิ์ธรรม
Загружено: 2019-11-06
Просмотров: 18859
บรรยาย ณ ศาลาธรรม อ.สามโคก จ.ปทุมธานี 30/10/62 สาย-ก่อนเที่ยง
อ่านและดาวน์โหลดเอกสารประกอบคำบรรยาย "ปาฏลิคามิยวรรค" https://memoir.kilophyll.com/2020/08/...
เนื้อหาโดยย่อ :-
สูตรที่ 3 ตติยนิพพานปฏิสังยุตตสูตร
(นิพพาน) เป็นธรรมชาติที่
1.ไม่เกิด (อะชาตัง) = unborn
2.ไม่ปรากฏ/ไม่มี/ไม่เป็น (อะภูตัง) = unoriginated (ภูตะ = ความมี ความเป็น ความปรากฏ) ไม่มีที่มาต้นตอ
3.ไม่ถูกเหตุสร้าง (อะกะตัง) = uncreated คือไม่มีสิ่งใดหรือใครสร้าง นั่นคือ นิพพานอยู่เหนือเหตุ-ผล
4.ไม่ถูกปัจจัยปรุงแต่ง (อะสังขะตัง) = unformed (mental formation = สังขาร การปรุงแต่งทางจิต) นิพพานไม่มีการปรุงแต่ง (mind-made images = นิมิตที่จิตสร้าง-ปรุงแต่งขึ้นมา)
จึงมีภาวะสลัดออก ถึงที่สุดแห่งทุกข์
ทฤษฎีสัมพัทธภาพ (The Law of Relativity) สิ่งใดจะให้ค่าได้ต้องสัมพัทธ-เปรียบเทียบกับอีกสิ่งหนึ่ง โดย 2 ขั้วจะอยู่ในที่ที่เดียวกัน เช่น เปรียบเทียบระหว่างโลกียธรรมกับโลกุตตรธรรม อยู่ที่เดียวกันแต่ไม่ได้ปรากฏพร้อมกัน เหมือนเหรียญ 2 ด้าน ต้องดำรงชีวิตด้วยการดุล 2 ขั้ว
ธรรมคือหน้าที่ หน้าที่คือธรรม
สรรพสิ่งล้วนอิงอาศัยกัน (inter-dependence) ธรรมชาติล้วนมีขั้วตรงข้ามแต่สมดุลกัน (counterbalance) เช่น มีทุกข์ ก็มีไม่ทุกข์, เปลี่ยนแปลง ก็มีหยุดนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง
สูตรที่ 4 จตุตถนิพพานปฏิสังยุตตสูตร
"ความหวั่นไหวย่อมมีแก่บุคคลผู้ถูกตัณหาและทิฏฐิอาศัย" –อริยสัจ ข้อที่ 1-2
"ความหวั่นไหวย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้ไม่ถูกตัณหาและทิฏฐิอาศัย" –อริยสัจ ข้อที่ 3-4
อยู่กับตัณหา แต่ไม่ยึดติดตัณหา
ทิฎฐิ คือ ความเห็น
ให้เปลี่ยนทัศนคติในชีวิตใหม่
"นั่นไม่ใช่ของเรา" –ละตัณหา
"เราไม่ได้เป็นนั่น" –ละมานะ
"นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา" –ละทิฏฐิ (สักกายทิฏฐิ)
"เมื่อความหวั่นไหวแห่งจิตไม่มี ก็ย่อมมีปัสสัทธิ (tranquility–สงบกายสงบจิต) → ไม่มีตัณหา → ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด (กิเลส-กรรม-วิบาก) → ไม่มีจุติ (เคลื่อนย้าย) ไม่มีอุบัติ (เกิดใหม่) → ไม่มีโลกนี้โลกหน้าและช่องว่างระหว่างโลกทั้งสอง → ที่สุดแห่งทุกข์
นิโรธ (ดับ) :-
1.วิกขัมภนนิโรธ คือ ข่มจิต บังคับจิต ด้วยกำลังสมถกรรมฐาน แต่ดับได้ชั่วคราวตามกำลังฌาน
2.ตทังคนิโรธ คือ ใช้ธรรมที่เป็นขั้วตรงข้ามไปปราบ เช่น ใช้เมตตาไปปราบการเบียดเบียนสัตว์ ด้วยสมถกรรมฐาน แต่ดับได้ชั่วคราวเช่นกัน
3.สมุจเฉทนิโรธ คือ ประหารหรือตัดเด็ดขาด โดยวิปัสสนากรรมฐานจนถึง"มรรคญาณ" แยกขันธ์ 5 ด้วยการเห็นแจ้งตามจริง (วิปัสสนา)
4.ปฏิปัสสัทธินิโรธ คือ สงบระงับ เป็น"ผลญาณ" อันมาจากการปฏิบัติ "มรรคญาณ"
5.นิสสรณนิโรธ คือ สลัดออก ดับกิเลส เป็นเป้าหมาย คือ "นิพพาน" (นิสสรณ = สลัดออกเครื่องพันธนาการจิต)
มรรค-ผล ไม่ใช่นิพพาน แต่สู่นิพพานด้วยมรรค-ผล; นิพพานไม่ใช่จิต แต่นิพพานรู้ได้ด้วยจิต
ปฏิบัติ: สมถะ-วิปัสสนา-มรรค-ผล-นิพพาน
สังโยชน์ 10 (10 fetters) = เครื่องร้อยรัดจิตไม่ให้บรรลุธรรม
1.สักกายทิฏฐิ (มีความเห็นเป็นตัวตน)
2.วิจิกิจฉา (ลังเลสงสัย); กำจัดได้ด้วยการศึกษาปฏิบ้ติจนหายสงสัย
3.สีลัพพตปรามาส (ยึดมั่นถือมั่นในศีลพรตเกิน) สีล = ศีล; พต = พรต; ปรามาส = เข้าใจเกินขอบเขต
4.กามราคะ (ติดใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์)
5.ปฏิฆะ (ระคายเคือง) ส่วนโทสะ = โกรธ; พยาบาท =
6.รูปราคะ (ติดใจในรูปฌาน)
7.อรูปราคะ (ติดใจในอรูปฌาน)
8.มานะ (ติดใจในความมีความเป็น ลึกๆในจิต)
9.อุทธัจจะ (ฟุ้งซ่าน)
10.อวิชชา (ความไม่รู้ตามจริง)
โสดาบัน ละข้อ 1-3
สกทาคามี ละข้อ 1-3 และ 4-5 เบาบาง
อนาคามี ละข้อ 1-5
อรหันต์ ละทั้ง 10 ข้อ
สัมมาสังกัปปะ: ดำริออกจากกาม (เนกขัมมสังกัปปะ), ไม่อาฆาตเคียดแค้น (อพยาบาทสังกัปปะ), ไม่เบียดเบียน (อวิหิงสาสังกัปปะ)
Доступные форматы для скачивания:
Скачать видео mp4
-
Информация по загрузке: