ชาวบ้านตำบลโพธิ์กลาง เมืองโคราช อยู่ในเมืองแท้ ๆ แต่บ้านไม่มีโฉนด

ชาวบ้าน ต.โพธิ์กลาง เมืองโคราช อยู่ในเมืองแท้ ๆ แต่บ้านไม่มีโฉนด
โอดได้มิเตอร์ชั่วคราว ต้องใช้ไฟฟ้าแพงกว่าชาวบ้านชาวเมือง 2 เท่า
รอความหวัง “นายกฯอนุทิน” เร่งแก้ปัญหาออกโฉนดที่ดินให้ชาวบ้าน

ชาวบ้านใน ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เร่งแก้ปัญหาเอกสารสิทธิ์ที่ดินของชาวบ้านกว่า 1,000 ครัวเรือน ที่ถือครองที่ดิน ภบท.5 ปลูกสร้างบ้านเรือนใช้เป็นที่อยู่อาศัยประกอบอาชีพก่อร่างสร้างตัวมานานกว่า 40-50 ปี แต่ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนดที่ดินอย่างถูกต้องได้ เนื่องจากติดเงื่อนไขด้านข้อกฎหมายที่สลับซับซ้อน เกี่ยวโยงกับหลายหน่วยงาน ทั้งที่ดินจังหวัด กองทัพภาคที่ 2 และปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.)
จากต้นเหตุที่มีการปลูกสร้างบ้านเรือนบนที่ดิน ภบท.5 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะออกเลขที่บ้าน สร้างถนนหนทาง ระบบสาธารณูปโภค บริการเข้าถึงบ้านเรือนที่อยู่อาศัยจนกลายเป็นชุมชนหมู่บ้านชัดเจน แต่ยังติดขัดเรื่องระบบไฟฟ้า แม้จะมีการขยายเขตบริการ แต่ยังมีบ้านเรือนอีกหลายหลัง ยังใช้ “มิเตอร์ไฟชั่วคราว” เนื่องจากหลักฐานเอกสารสิทธิ์ที่ดินยังเป็น ภบท.5 ไม่ใช่โฉนดที่ดิน ทำให้ไม่สามารถติดมิเตอร์ไฟแบบปกติทั่วไปได้ จึงต้องใช้มิเตอร์ไฟชั่วคราว ซึ่งต้องเสียค่าไฟแพงกว่าปกติ 2 เท่าตัว จากบ้านเรือนปกติค่าไฟหน่วยละ 3-4 บาท แต่สำหรับมิเตอร์ไฟชั่วคราว ค่าไฟสูงถึงหน่วยละ 7-8 บาท ส่งผลกระทบชาวบ้านเดือดร้อนสาหัส จากค่าครองชีพที่สูง ทั้ง ๆ ที่บ้านเรือนในกลุ่มนี้อยู่ในเขตเมือง เขตเทศบาลฯ อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดไม่ถึง 10 กิโลเมตร แต่ยังไม่ได้รับสิทธิการอยู่อาศัยเหมือนชาวบ้านทั่วไป
ร้อยตรีวิชา การประกอบ อายุ 62 ปี ชาวบ้านหมู่ 3 บ้านหนองพลวงน้อย ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา บอกว่า สร้างบ้านบนที่ดิน ภบท.5 มานาน 5 ปี ใช้มิเตอร์ไฟแบบชั่วคราว เพราะบ้านไม่มีโฉนด ต้องแบกภาระค่าไฟฟ้าแพงกว่าปกติ 2 เท่า ตกหน่วยละ 7 บาท เฉลี่ยเดือนละ 2,000 บาท ในบ้านมีเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่กี่อย่าง ต้องเสียค่าไฟแพง เดือดร้อนมานาน และไม่อยากแบกภาระแบบนี้ไปจนรุ่นลูกรุ่นหลาน เรียกร้องนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลชั่วคราว 4 เดือน รีบหาช่องทางแก้ไขเรื่องเอกสารสิทธิ์เปลี่ยนเป็นโฉนดที่ดิน เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านด้วย
ด้าน นาวาอากาศเอก สุวรรณ วงษ์กัณหา คณะทำงานติดตามเรื่องการแก้ปัญหาที่ดิน ต.โพธิ์กลาง กล่าวว่า ชาวบ้านกว่า 1,000 ครัวเรือน หรือ 70% ของชาวบ้านทั้งตำบล เดือดร้อนมานาน พยายามเรียกร้องรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี จนถึงวันนี้ผ่านสมัยของนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 8 คน ก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ ฝากความหวังยุคของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนที่ 9 ชาวบ้านอยู่อาศัยในเขตตัวเมืองแท้ ๆ แต่ไม่ได้ถือครองโฉนดที่ดิน ชาวบ้านไม่ได้บุกรุกป่าเขา ไม่ได้อยู่พื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร ฝากเร่งออกโฉนดที่ดินให้ชาวบ้านเสียที
ขณะเดียวกัน นายประพิศ นวมโคกสูง แกนนำภาคประชาชน อ.เมือง จ.นครราชสีมา ยืนยันว่า วันนี้รัฐบาลชั่วคราวต้องช่วยแก้ปัญหาหม้อไฟฟ้าชั่วคราวเร่งด่วน เพราะชาวบ้านเดือดร้อนค่าไฟแพงกว่าปกติ 2 เท่าตัว ปัญหานี้เรื้อรังมาตั้งแต่ปี 2553 ชาวบ้าน ต.โพธิ์กลาง หลายราย พากันแปลกใจว่า ทำไมที่ดินบางแปลงออกโฉนดได้ บางแปลงออกไม่ได้ บางคนโดนหลอกว่าจะออกโฉนดได้ ต้องเสียเงินเสียทอง ฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาล
ขณะนี้ชาวบ้านตำบลโพธิ์กลางจำนวนมาก ที่มีที่ดินเป็นใบ ภบท.5 เดือดร้อนมากเรื่องเสียค่าไฟแพงจาก “หม้อชั่วคราว” ปกติทั่วไปค่าไฟหน่วยละ 4 บาท แต่หม้อชั่วคราวต้องเสียหน่วยละ 8บาท ซึ่งแพงมาก จึงเรียกร้องขอให้“รัฐบาลชั่วคราว” ช่วยแก้ปัญหานี้โดยเร่งด่วน
แต่ถ้าจะให้ดีและจบปัญหา ก็คือ รัฐบาลต้องเร่งให้ ครม.อนุมัติออกพระราชกฤษฎีกาปรับปรุงแนวเขตปฏิรูปที่ดินเฉพาะท้องที่ ต.โพธิ์กลาง “ซึ่งมีการกันแนวเขตที่ดินครบสมบูรณ์ตามกฎหมายตั้งแต่ปี 2553 แล้ว
การกันแนวเขตที่ดิน ต.โพธิ์กลาง มีการกันเขตที่ดินของ 3 หน่วยงานในพื้นที่ คือ
1.เขตทหารบก(กองทัพภาคที่ 2) 2.เขตที่ดินทหารอากาศ (กองบิน 1) และ3.เขตปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร(ส.ป.ก.) ซึ่งแนวเขตที่ดินมีความชัดเจนทั้งหมดแล้ว
สำหรับสาเหตุที่ช้าที่ยังไม่สามารถออกโฉนดที่ดินให้กับชาวบ้านได้ เนื่องจากยังติดเงื่อนไขคณะกรรมการกฤษฎีกา ต้องรอให้ ส.ป.ก. กันแนวเขตที่ดินในเขตปฏิรูปให้ครบทั้ง 15อำเภอของ จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นภาพใหญ่ของการแก้ปัญหา แต่ถ้าทำเฉพาะเขต ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง เมื่อครม.ได้อนุมัติหลักการ ต่อจากนั้นก็ออก”พระราชกฤษฎีกาปรับปรุงแนวเขตปฏิรูปที่ดินในท้องที่ตำบลโพธิ์กลาง สุดท้ายกรมที่ดินก็นำไปออกโฉนดที่ดินให้กับประชาชน ต.โพธิ์กลาง ได้เลย ถึงตอนนี้ชาวบ้านมีความหวังความเป็นไปได้ ที่จะได้รับการออกโฉนดที่ดินจากหน่วยงานภาครัฐ และเตรียมทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเดินหน้าแก้ปัญหาให้สำเร็จในยุคของนายกฯอนุทิน. (วันที่ 27 ตุลาคม 2568 )