กรมทางหลวง สรุปผลสำรวจและออกแบบสะพานข้ามแม่น้ำท่าตะเภา รองรับการเดินทางท่องเที่ยวและการคมนาคมขนส่ง

กรมทางหลวง สรุปผลการศึกษาโครงการสำรวจและออกแบบสะพานข้ามแม่น้ำท่าตะเภา ต.ท่ายาง อ.เมืองชุมพร รองรับการเดินทางท่องเที่ยวและการคมนาคมขนส่ง

นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานเปิดการประชุมสรุปผลการศึกษาโครงการ (สัมมนา ครั้งที่ 3) โครงการจ้างวิศวกรที่ปรึกษาสำรวจและออกแบบสะพาน บนทางหลวงหมายเลข 4119 (แม่น้ำท่าตะเภา) หรือสะพานท่ายาง ต.ท่ายาง อ.เมืองชุมพร ซึ่งสะพานดังกล่าวเป็นเส้นทางสายหลักที่มุ่งสู่สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดชุมพร อาทิ พระตำหนักกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ หาดทรายรี, ท่าเทียบเรือท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปเกาะเต่า จ.สุราษฎรธานี รวมถึงยังเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าภาคประมง และเป็นเส้นทางที่รถบรรทุกเรือจะผ่าน เพื่อข้ามฟากจากทะเลอ่าวไทยไปฝั่งอันดามัน ในช่วงปิดอ่าว หรือช่วงมรสุม

นายจารุพัฒน์ ศรีสะอาด วิศวกรโยธาชำนาญการพิเศษ/ผู้จัดการโครงการฯ เปิดเผยว่า กรมทางหลวงเล็งเห็นว่า สะพานข้ามแม่น้ำท่าตะเภา (สะพานท่ายาง) มีอายุการใช้งานมากว่า 60 ปี ปัจจุบันพบว่าโครงสร้างสะพานเดิมชำรุดเสียหาย โดยเฉพาะการเสื่อมสภาพของคอนกรีต การสำรวจ ออกแบบและบูรณะสะพานซึ่งจะช่วยให้สภาพของสะพานและถนนดีขึ้น สามารถรองรับน้ำหนักรถบรรทุก ตามมาตรฐานของกรมทางหลวง

สำหรับการศึกษาพื้นที่และรูปแบบการพัฒนา รูปแบบโดยรวมเป็นการคงสะพานเดิมไว้ เพื่อใช้สำหรับการสัญจรสำหรับท้องถิ่นและทำการปรับปรุงให้มีทางเดินเท้าที่ปลอดภัยมากขึ้น พร้อมทั้งซ่อมแซมส่วนที่เสียหายให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ในส่วนของสะพานใหม่ จะมีการสร้างคร่อมขึ้นไปทางด้านบนของสะพานเดิม จำนวน 2 สะพาน ขนานอยู่ด้านข้างของสะพานเดิม เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก มีความกว้างฝั่งละ 9 เมตรประกอบด้วย 2 ช่องจราจรต่อทิศทางพร้อมไหล่ทาง ไม่มีทางเดินเท้า ความยาวช่วงสะพานบริเวณข้ามแม่น้ำมีความยาว 120 เมตร โดยตอม่อสะพานจะอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งจะไม่มีการก่อสร้างตอม่อของสะพานใหม่ลงในแม่น้ำ และความยาวช่วงสะพานบนบกจะมีช่วงความยาว 40-75 เมตร บริเวณที่สะพานข้ามถนนเดิมด้านล่างจะมีช่องลอดไม่น้อยกว่า 5.50 เมตร รวมแต่สะพานมีความนาว 586 เมตร และเชิงลาดสะพานความยาวด้านละ 80 เมตร เป็นสะพานข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่

ทั้งนี้ คาดว่าโครงการดังกล่าว จะช่วยให้การเดินทางของประชาชนในพื้นที่และผู้ใช้เส้นทางมีความสะดวก รวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น ลดการเกิดอุบัติเหตุจากการสวนเลนในช่องจราจรที่แคบจากสะพานเดิมและแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุบริเวณทาง 3 แยก ก่อนขึ้นสะพาน รวมทั้งยังเป็นเส้นทาง ทางเลือกในการเดินทางและเติมเต็มโครงข่ายถนนเดิมที่เป็น 4 ช่องจราจรให้สมบูรณ์มาขึ้นอีกด้วย