เปิดปฏิบัติการ “CIB Game on” รื้อระบบสยบจีนดำ ล่าผู้ต้องหาหมายแดง พร้อมขบวนการทำบัตรประชาชนเถื่อน
Автор: สํานักข่าวราษฎร Ratsadon News
Загружено: 6 мар. 2025 г.
Просмотров: 8 678 просмотров
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดปฏิบัติการ “CIB Game on” รื้อระบบสยบจีนดำ ล่าผู้ต้องหาหมายแดง พร้อมขบวนการทำบัตรประชาชนเถื่อน
1. MR.LI (นายลี) สัญชาติจีน อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 13/2568 ลงวันที่ 3 มีนาคม 2568
2. Ms.Aye (นางเอ้) สัญชาติเมียนมา อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 14/2568 ลงวันที่ 3 มีนาคม 2568
ผู้ต้องหาที่ 1-2 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, ร่วมกันปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม, ร่วมกันสนับสนุนพนักงานเจ้าหน้าที่ปลอมบัตรประชาชน, ร่วมกันสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ร่วมกันสนับสนุนเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่”
3. นายจิรภัทรฯ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 15/2568 ลงวันที่ 3 มีนาคม 2568
4. นายสุริยะฯ อายุ 57 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 16/2568 ลงวันที่ 3 มีนาคม 2568
5. นายพีระศักดิ์ฯ อายุ 51 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 17/2568 ลงวันที่ 3 มีนาคม 2568
6. นายประวิตฯ อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 18/2568 ลงวันที่ 3 มีนาคม 2568
ผู้ต้องหาที่ 3-6 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกัน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่”
ตรวจยึดของกลาง จำนวน 190 รายการ
1. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 14 เล่ม
2. เงินสด จำนวน 8,500 หยวน
3. บัตร ATM จำนวน 5 ใบ
4. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 14 เครื่อง
5. แท็บเล็ต จำนวน 1 เครื่อง
6. คอมพิวเตอร์ จำนวน 9 เครื่อง
7. บัตรขาว จำนวน 2 ใบ
8. หนังสือเดินทาง/บัตรประชาชน/เอกสารที่เกี่ยวข้อง 14 รายการ
9. รถยนต์ จำนวน 2 คัน
10. วัตถุคล้ายทองคำ 5 รายการ และ เอกสารอื่นๆ จำนวน 125 รายการ
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงปลายปี พ.ศ.2566 ได้มีผู้เสียหายซึ่งเป็นชายชาวจีน เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กก.3 บก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรม ในกรณีที่ผู้เสียหายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจรีดทรัพย์ เรียกเงินเป็นจำนวน 5 ล้าน เพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี
ซึ่งมูลเหตุในคดีนี้ สืบเนื่องมาจากในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2565 ผู้เสียหายได้เข้าไปยัง กลุ่มเฟซบุ๊กของคนจีน โดยพบเฟซบุ๊กประกาศแจ้งว่าสามารถจัดทำบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน และเอกสารอื่นๆ ของไทยให้กับคนจีนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยคิดค่าดำเนินการประมาณ 1 ล้านบาท ต่อมาผู้เสียหายหลงเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการทำบัตรและเอกสารประจำตัวที่ถูกต้องตามกฎหมายจริง ผู้เสียหายจึงได้ติดต่อเข้าไปพูดคุยและตกลงทำบัตรประชาชน จากนั้นจึงมีการนัดหมายให้ผู้เสียหายเดินทางไปทำบัตรประชาชนที่สำนักงานเทศบาลจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสาน ต่อมาเมื่อถึงวันนัดหมาย ผู้เสียหายได้เดินทางไปที่สำนักงานเทศบาลดังกล่าว และได้พบนายลี พร้อมกับนางเอ้ (แฟนสาว) โดยนายลี ได้พาผู้เสียหายไปทำบัตรประชาชนที่สำนักงานเทศบาลดังกล่าว โดยมีขั้นตอนการถ่ายรูป และสแกนรอยนิ้วมือเหมือนกับการทำบัตรประชาชนทั่วไป แต่จะไม่มีการให้กรอกข้อมูลเอกสารใดๆ ซึ่งภายหลังจากที่ผู้เสียหายทำตามขั้นตอนต่างๆ เรียบร้อยแล้ว นายลีจึงได้นำบัตรประชาชนที่ปรากฎรูปหน้าผู้เสียหายมามอบให้กับผู้เสียหายพร้อมกับสำเนาทะเบียนบ้านอีก 1 ฉบับ (ซึ่งข้อมูลตามบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านดังกล่าวปรากฎชื่อคนไทยคนเดียวกัน) หลังจากนั้นผู้เสียหายจึงชำระค่าดำเนินการ โดยมอบเงินสด จำนวน 1.1 ล้านบาท ให้กับนายลี
ต่อมาในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2565 ผู้เสียหายได้ตกลงให้นายลี ช่วยทำหนังสือเดินทางให้กับผู้เสียหาย โดยนายลี ได้นัดหมายให้ผู้เสียหายมาทำหนังสือเดินทางที่กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ซึ่งเมื่อผู้เสียหายเดินทางมาถึงที่นัดหมาย ได้มีกลุ่มชายไม่ทราบชื่อพาผู้เสียหายไปนั่งรอที่ร้านกาแฟภายในกรมการกงสุล จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 3 นาย เข้ามาควบคุมตัวผู้เสียหาย และนำตัวผู้เสียหายไปที่ทำการแห่งหนึ่ง โดยกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มนี้ได้แจ้งกับผู้เสียหายให้ทราบว่าจะต้องถูกดำเนินคดีเนื่องจากปลอมเอกสาร ซึ่งหากผู้เสียหายไม่อยากถูกดำเนินคดี ให้ผู้เสียหายนำเงินมาจ่ายจำนวน 5 ล้านบาท ต่อมาผู้เสียหายจึงได้ต่อรองราคาจนกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจตกลงให้จ่ายเงินจำนวน 2 ล้านบาท จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ให้ผู้เสียหายโอนเงินเป็นสกุลเงินดิจิทัล USDT จำนวน 55,555 USDT (เปรียบเทียบเป็นเงินไทยจำนวน 2 ล้านบาท) เข้ากระเป๋าเงินดิจิทัลตามหมายเลขที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งไว้ ก่อนจะปล่อยตัวผู้เสียหายไป และหลังจากเกิดเหตุผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายกลุ่มดังกล่าว
#ตำรวจสอบสวนกลาง

Доступные форматы для скачивания:
Скачать видео mp4
-
Информация по загрузке: