พ.ค.65 รฟท. ทยอยคืนทางหลีก ช่วงทางคู่สายใต้จะวิ่งเร็วขึ้น ไม่ล่าช้า

นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า ได้นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม-ชุมพร ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ระยะทาง 421 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 3.39 หมื่นล้านบาท ที่บริเวณโครงการก่อสร้างสถานีรถไฟหัวหินยกระดับ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยภาพรวมการก่อสร้าง ได้ผลงาน 92.81% ล่าช้า 5.41% สำหรับสัญญาที่ 1 ช่วงนครปฐม-หนองปลาไหล ระยะทาง 93 กม. วงเงิน 8.19 พันล้านบาท ได้ผลงาน 96.08% ล่าช้า 1.20%
สัญญาที่ 2 ช่วงหนองปลาไหล-หัวหิน ระยะทาง 76 กม. วงเงิน 7.52 พันล้านบาท 94.84% ล่าช้า 0.16%
สัญญาที่ 3 ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กม. วงเงิน 5.80 พันล้านบาท  99.87% ล่าช้า 0.13% สัญญาที่ 4 ช่วงประจวบคีรีขันธ์-บางสะพานน้อย ระยะทาง 88 กม. วงเงิน 6.46 พันล้านบาท 85.07% ล่าช้า 14.92%
สัญญาที่ 5 ช่วงบางสะพานน้อย-ชุมพร ระยะทาง 79 กม. วงเงิน 5.99 พันล้านบาท 87.29% ล่าช้า 12.56% และสัญญาที่ 6 การจัดหาและติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม วงเงิน 6.21 พันล้านบาท ได้ผลงาน 27.65% ล่าช้า 45.57%

นายพิเชฐ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่งานล่าช้าเนื่องจากแรงงานติดโควิด-19 ทำให้งานล่าช้าสะสม โดยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้เร่งรัดให้หาวิธีแก้ปัญหาแล้ว ทั้งนี้คาดว่างานโยธาทั้ง 5 สัญญาจะแล้วเสร็จปลายปี 65 จากนั้นจะใช้เวลาติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ คาดว่าจะแล้วเสร็จ และสามารถเปิดให้บริการได้ในเดือน ธ.ค.66

นายพิเชฐ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เดือน พ.ค.นี้  รฟท.จะเริ่มทยอยคืนทางหลีกรถไฟกลับสู่ปกติ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการยกเลิกทางหลีก เพื่อก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่สายใต้ ทำให้รถไฟหลีกกันยากขึ้น ส่งผลให้การเดินรถไฟสายใต้ต้องใช้เวลาเดินรถค่อนข้างนาน  และมีการล่าช้า(ดีเลย์) ที่ผ่านมามีเสียงบ่นจากผู้ใช้บริการจำนวนมาก เช่น จากกรุงเทพฯ-หัวหิน ต้องเสียเวลาเดินทางเกือบ 5 ชั่วโมง (ชม.) ครึ่ง แต่หลังจากนี้เมื่อทยอยคืนทางรถไฟ ปัญหาจะเริ่มบรรเทาลง รถไฟสายใต้จะเดินรถได้รวดเร็วมากขึ้น
ขณะเดียวกันบางช่วงที่การก่อสร้างใกล้จะแล้วเสร็จ รถไฟเพิ่มความเร็วในการเดินรถได้มากขึ้นด้วย จากเดิมเมื่อผ่านบริเวณการก่อสร้าง รถไฟต้องลดความเร็วลงเหลือประมาณ 30 กม.ต่อชั่วโมง(ชม.) จะทยอยปรับเพิ่มความเร็วได้เป็น 50 กม.ต่อชั่วโมง และปรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกลับสู่ปกติที่ 90 กม.ต่อชม. อย่างไรก็ตามเนื่องจากขณะนี้สัญญาที่ 3 ช่วงหัวหิน-ประจวบฯ งานก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงเก็บรายละเอียดอีกเล็กน้อย คาดว่าอีกประมาณ 2 เดือนหลังจากนี้ จะเปิดบริการเดินรถแบบทางคู่ได้ แต่ต้องเป็นในลักษณะการขับเคลื่อนแบบกึ่งอัตโนมัติก่อน เนื่องจากระบบติดตั้งอาณัติสัญญาณยังไม่แล้วเสร็จ

นายพิเชฐ กล่าวด้วยว่า คาดว่าปลายปี 65 เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ และเปิดบริการเดินรถทางคู่แบบกึ่งอัตโนมัติได้ จะทำให้การเดินทางเส้นทางสายใต้รวดเร็วมากขึ้น ลดเวลาเดินทางได้จากเดิม 1-2 ชม. และเมื่อติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณเสร็จสิ้นในปลายปี 66 จะทำให้การเดินทางด้วยรถไฟลดเวลาเดินทางลงได้ประมาณ 3-4 ชม. เช่น เดิมกรุงเทพฯ-หัวหิน ใช้เวลาเดินทาง 5 ชม.ครึ่ง จะเหลือเพียง 2 ชม.ครึ่ง ถือเป็นทางเลือกที่จะทำให้ประชาชนได้รับความสะดวก รวดเร็ว และเมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยรถยนต์ในช่วงเทศกาลที่มักจะมีปัญหารถติดการเดินทางด้วยรถไฟจะรวดเร็วกว่าด้วย

นายพิเชฐ กล่าวอีกว่า ในโอกาสนี้ได้เยี่ยมชมการก่อสร้าง “สถานีรถไฟหัวหิน” แห่งใหม่ด้วย เป็นสถานียกระดับที่มีทางเดินใต้สถานีแห่งแรกในประเทศไทย เป็นหนึ่งในงานก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วง นครปฐม-ชุมพร (ช่วงหนองปลาไหล-หัวหิน) วงเงิน 347 ล้านบาท โดยสถานีรถไฟหัวหินแห่งใหม่นี้มีความยาวประมาณ 500 เมตร เป็นโครงสร้างยกระดับ มีที่ทำการ และที่พักคอยอยู่ชั้นล่าง ชานชาลาอยู่ชั้นบน การออกแบบยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของสถานีเดิมที่ออกแบบตามสถาปัตยกรรมวิกตอเรีย มีคุณค่าความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ถัดจากสถานีหัวหินเดินไปทางทิศใต้

นายพิเชฐ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันงานสถานีรถไฟหัวหินแห่งใหม่ มีความคืบหน้างานก่อสร้าง 80% งานตกแต่งสถาปัตยกรรม 30% และงานระบบไฟฟ้าและเครื่องของสถานี 20% คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 65 สำหรับอาคารสถานีเดิมยังคงอนุรักษ์ไว้ มีแผนพัฒนาให้เป็นพิพิธภัณฑ์ และทางรถไฟที่ผ่านสถานีเดิมยังใช้งานอยู่ สำหรับขบวนรถสินค้าและขบวนรถพิเศษ ทั้งนี้สถานีหัวหินเป็น 1 ในสถานีที่เข้าร่วมกิจกรรม “สถานีดีพร้อม” ด้วย  ขร. อยู่ระหว่างตรวจประเมินคุณภาพสถานีต่างๆ ที่เข้าร่วมประกวด จะประกาศผลการประกวดในเดือน ก.ค.นี้