สิ่งใดค้างคาใจ เราจะปล่อยวางหรือยัง : หลวงปู่นิภา นิภาธโร
Автор: ณฤดี บุญเรือง
Загружено: 27 мар. 2025 г.
Просмотров: 181 просмотр
เจริญในธรรม ท่านผู้สนใจในการฟังธรรมทั้งหลาย
วันนี้เราจะมากล่าวถึงการมรณภาพของ พระอธิการสุวิทย์ กิตฺติยาโน วัดพุทธวนาราม ตำบลพลสงาม อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม สิริอายุ 54 ปี 34 พรรษา
เป็นอีกครั้งที่เราทั้งหลายได้ตระหนักถึงความจริงแห่งชีวิต ไม่ว่าเราจะใช้ชีวิตเช่นไร กินข้าว ดื่มน้ำ พบปะสังสรรค์ หรือดำเนินชีวิตด้วยความสุขเพียงใด สุดท้ายแล้ว การตาย การพลัดพราก การจากลา ย่อมมาถึงทุกคนโดยไม่เลือกสถานะ ไม่ว่าเป็นโยมหรือพระภิกษุ นี่คือธรรมดาของสังขาร ซึ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป
การจากไปของท่านพระอธิการสุวิทย์ กิตฺติยาโน เป็นเครื่องเตือนใจให้เราผู้ที่ยังอยู่ ได้ฉุกคิดว่า…
“ชีวิตที่เหลืออยู่ เราจะทำอะไร?”
วันคืนล่วงไป ล่วงไป ทุกลมหายใจเข้าออกคือความเปลี่ยนแปลงที่เดินหน้าไปสู่จุดจบของชีวิต เราทั้งหลายไม่ควรประมาท ไม่ควรผัดวันประกันพรุ่ง ไม่ควรรอคอยวันพรุ่งนี้ เพราะวันสุดท้ายของเรานั้นอาจมาถึงเมื่อใดก็ได้
ท่านพระอธิการสุวิทย์ กิตฺติยาโน คืออาจารย์ผู้ประกาศความจริงแห่งชีวิตให้เราได้ประจักษ์ ท่านเป็น “อาจารย์ใหญ่” ผู้สอนด้วยร่างกายของท่านเอง พระอาจารย์ในรูปของกายเนื้ออาจสอนด้วยวาจา แต่เมื่อสิ้นลม ท่านกลับกลายเป็นพระอาจารย์ผู้สอนผ่านการปรากฏแห่งสัจธรรมของสังขาร
การตายนั้น ดูเหมือนเป็นเรื่องน่ากลัว
แต่แท้จริงแล้ว เป็นเพียงกระบวนการหนึ่งของชีวิต
เป็นบทเรียนที่ทุกคนต้องเผชิญ ไม่มีผู้ใดหลีกเลี่ยงได้
ผู้มีปัญญาย่อมใช้วาระเหล่านี้มาฝึกจิต เตือนใจ ไม่ยึดติดกับความประมาท “เราจะให้อภัยหรือยัง?”
“เราจะอโหสิกรรมหรือไม่?”
เพราะหากเรามัวแต่จองเวร จองกรรม หลงมัวเมาในอารมณ์โกรธแค้น เราก็เพียงแค่สร้างโซ่ตรวนพันธนาการตนเอง ไม่ใช่ทางแห่งการหลุดพ้น
พิธีขอขมากรรมต่อผู้วายชนม์ เป็นโอกาสที่ดีในการปลดเปลื้องพันธนาการแห่งกรรมที่เราอาจกระทำต่อกัน ไม่ว่าด้วยกายกรรม วจีกรรม หรือมโนกรรม ไม่ว่าโดยรู้หรือไม่รู้ โดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
แต่แท้จริงแล้ว ผู้ที่สามารถฝึกจิตของตนให้ถึงความตายก่อนตาย
ย่อมเป็นผู้ให้อภัยต่อทุกสรรพสิ่ง
ไม่ผูกเวร ไม่จองกรรม ไม่อาฆาตพยาบาท ไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่ในจิตใจให้ต้องพะวงแม้แต่เพียงนิดเดียว
กรรมที่เกิดขึ้นจะฝ่ายกุศลหรืออกุศลก็ตาม
จะมาจากรักหรือชัง
จากโทสะหรือโลภะ
หากเราสามารถปล่อยวางได้ กรรมนั้นย่อมเป็นอโหสิ
เมื่อใดที่เรารู้จักให้อภัย เมื่อนั้นเราจะสัมผัสถึงอิสรภาพทางจิตวิญญาณโดยแท้จริง
ท่านพระอธิการสุวิทย์ กิตฺติยาโน ย่อมเป็นที่เคารพของมหาชน ท่านก็ละสังขารไปแล้วเช่นกัน ไม่ว่าท่านจะเป็นที่รักของใครหรือถูกชังจากใครก็ตาม แต่ความรักและความชังไม่อาจเหนี่ยวรั้งความตายไว้ได้เลย
บุคคลผู้มีปัญญาย่อมอาศัยเหตุการณ์เหล่านี้มาเตือนตนเอง มิใช่เพื่อให้เกิดความเศร้าโศกจนหลงลืมธรรม หากแต่เพื่อให้ตระหนักว่า สิ่งที่เราควรทำ… เราทำแล้วหรือยัง?
สิ่งที่เราทำอยู่… ควรทำต่อไปหรือไม่?
เป้าหมายที่เราตั้งใจไว้… เราได้ขวนขวายแล้วหรือยัง?
เพราะเหตุนี้ เราทั้งหลายจึงต้อง โอปนยิโก น้อมนำธรรมะนี้เข้าสู่ใจ
เราจะอาฆาตพยาบาทใครหรือไม่?
เราจะอโหสิกรรมหรือยัง?
สิ่งใดค้างคาใจ… เราจะปล่อยวางหรือยัง?
เมื่อวันสุดท้ายของลมหายใจมาถึง วิญญาณของเราจะได้ไม่ต้องมีภาระ ไม่ต้องมีห่วง ไม่ต้องมีอะไรติดค้าง เราทำดีที่สุดแล้ว เราปลดวางหมดแล้ว เราพร้อมแล้ว
การฝึกอโหสิกรรมให้เป็นนิสัย คือการเตรียมตนเองสู่ความหลุดพ้นอย่างแท้จริง
ไปงานศพทั้งที… จงเผาผีในจิตใจตนเอง
เผาไฟ “ความโลภ ความโกรธ ความหลง” ให้หมดสิ้น
สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าคือร่างไร้วิญญาณของผู้ล่วงลับ
แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ภายในจิตใจของเราคือบทเรียนที่ลึกซึ้ง
สังขารนั้นย่อมเสื่อมสลาย
ความมัวเมาย่อมดับสิ้น
ความโกรธ ความรัก ความชัง ความหลง
สุดท้ายก็เหลือเพียง เถ้าถ่านของอดีต
ดังนั้น เราจะวางสังขารนี้ไว้อย่างไร?
จะให้มันเป็นที่ตั้งของความรักและชัง หรือจะปลดปล่อยให้เป็นอิสระ?
เราทั้งหลายจงใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างไม่ประมาท
อย่าหลงใหลเพลิดเพลินกับสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืน
เพราะที่สุดที่สุด… เราทุกคนต้องแสดงฉากสุดท้ายของชีวิตเช่นเดียวกัน
วันนี้ขอน้อมจิตน้อมใจส่งดวงวิญญาณของ พระอธิการสุวิทย์ กิตฺติยาโน
รวมถึงพ่อของโยมแจ็ค และอีกหลายดวงวิญญาณที่ล่วงลับไป
ขอให้ท่านทั้งหลายจงพบสันติสุขตามที่ท่านปรารถนา
ขออโหสิกรรมซึ่งกันและกัน
ขอให้ความโกรธเกลียดพยาบาทจางคลาย
ขอให้ดวงจิตของทุกผู้ทุกคน
พบแสงแห่งปัญญา
พ้นจากเครื่องพันธนาการแห่งโลกียธรรม
ขอความเจริญในธรรมจงบังเกิดแก่เราทั้งหลายด้วยเทอญ

Доступные форматы для скачивания:
Скачать видео mp4
-
Информация по загрузке: