โรคสะเก็ดเงิน EP1. Psoriasis Disease Therapy การบำบัดโรคสะเก็ดเงิน ปรึกษาโทร 0989247165

โรคสะเก็ดเงิน(Psoriasis) เป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองเรื้อรังทำให้เซลล์ผิวหนังเติบโตเร็วเกินไป ทำให้เกิดอาการเจ็บ คัน ผิวหนังเป็นเกล็ดสีแดงหนา สามารถเกิดได้ทุกที่ในร่างกาย มักเกิดที่หัวเข่า ข้อศอก หลัง หนังศีรษะ ฝ่ามือ และเท้า โดยปกติเซลล์ผิวหนังจะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนในวงจรชีวิต แต่ในผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงินจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น เซลล์ผิวส่วนเกินเหล่านี้จะเติบโตลึกลงไปในผิวหนังชั้นใน และลอยขึ้นสู่ผิวหน้งชั้นนอก ทำให้เกิดรอยแดงเป็นสะเก็ด
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเกิดจากหลายปัจจัยรวมกัน หากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบภูมิคุ้มกันจะทำให้เกิดอาการบวม กระตุ้นให้เซลล์ผิวใหม่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
อาการและอาการแสดงของโรคสะเก็ดเงิน
ส่วนที่แห้ง หนาขึ้นบนผิวหนัง มักถูกเคลือบด้วยสีขาวเงินเรียกว่าเกล็ด ซึ่งมักทำให้เกิดอาการคันมาก แม้ว่าผิวแห้งจะหนาขึ้นก็ตาม โรคสะเก็ดเงินอาจทำให้เกิดอาการแสดงได้มากมาย
โรคสะเก็ดเงินแยกตามลักษณะที่ปรากฏและการกระจายตัวของโรค ตามนี้
สะเก็ดเงินชนิดผื่นหนา (Plaque psoriasis/Psoriasis vulgaris) เป็นสะเก็ดเงินจากคราบจุลินทรีย์เป็นผื่นแดง แผ่นหนา ปกคลุมด้วยขุยขาวหรือขุยเงินบริเวณหนังศีรษะ ลำตัว ข้อศอก แขนขา หลัง หัวเข่า รักแร้ ใต้ราวนม ขาหนีบ บางครั้งคราบจุลินทรีย์อาจคัน เจ็บปวด อาจแตกมีเลือดออกได้ สะเก็ดเงินชนิดนี้พบบ่อยที่สุด 80-90% ของสะเก็ดเงินทั้งหมด
สะเก็ดเงินชนิดขนาดเล็ก (Guttate psoriasis) มีลักษณะรอยเป็นผื่นแดง หรือตุ่มแดงแข็งทรงหยดน้ำขนาดเล็กไม่เกิน1ซม. เป็นขุยขาวกระจายตามลำตัว แขนขา และส่วนอื่นๆของร่างกาย พบได้บ่อยในเด็กและผู้ใหญ่ ผู้ที่เป็นสะเก็ดเงินชนิดนี้มักมีสาเหตุจากการติดเชื้อสเตปโตคอคคัสในลำไส้ พบมากเป็นอันดับ2 เกือบ 10 %ของผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงิน
สะเก็ดเงินชนิดตุ่มหนอง (Pustular psoriasis) เป็นสะเก็ดเงินที่พบได้น้อยมีลักษณะเป็นตุ่มหนองอักเสบบวมแดงขนาดเล็ก 2-3 มม. จำนวนมากที่ไม่ติดเชื้อ ตุ่มพองนั้นประกอบด้วยเซลล์เม็ดเลือดขาว กระจายตัวทั่วบริเวณผิวหนัง ลำตัว แขนขา ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ใต้เล็บ มีอาการคัน ปวดแสบปวดร้อน หากสะเก็ดเงินชนิดตุ่มหนองเห่อมาก อาจมีไข้ร่วม
สะเก็ดเงินชนิดผื่นแดงลอกทั้งตัว (Erythrodermic psoriasis) เป็นสะเก็ดเงินจากเม็ดเลือดแดง ชนิดรุนแรง พบได้น้อยประมาณ3% มีลักษณะเป็นผื่นแดง คัน ลอกเป็นขุยขาวถึงกว่า 90% ของร่างกาย โดยอาจเป็นแบบเฉียบพลัน หรือแบบเรื้อรัง และอาจเริ่มต้นจากการเป็นสะเก็ดเงินชนิดผื่นหนามาก่อน อาจมีตุ่มหนอง อาการอ่อนเพลีย และมีไข้สูงร่วม
นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลง อัตราการเต้นของหัวใจเปลี่ยนแปลง และเล็บเปลี่ยนแปลงได้
สะเก็ดเงินบริเวณซอกพับ (Inverse psoriasis) เป็นสะเก็ดเงินเรื้อรังที่มีลักษณะเป็นผื่นแดงขึ้นเป็นหย่อม ๆ มักไม่ค่อยมีขุย ขึ้นตามบริเวณผิวหนังที่มีการเสียดสีและมีเหงื่อออก เช่น ตามซอกพับของร่างกาย ใต้ราวนม รักแร้ ขาหนีบ ร่องก้น
สะเก็ดเงินบริเวณมือเท้า (Palmoplantar psoriasis) เป็นสะเก็ดเงินที่มีรอยโรคเป็นผื่นแดง ขอบชัด ขึ้นที่บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า เป็นขุยขาว ลอกออกเป็นขุย
เล็บสะเก็ดเงิน (Psoriatic nails) เป็นสะเก็ดเงินที่เล็บมือ เล็บเท้า ทำให้เกิดความผิดปกติของเล็บ เช่น เล็บผิดรูป เล็บร่อน เล็บเป็นหลุม เล็บหนาผิดปกติ และผิวหนังบริเวณเล็บเปลี่ยนสี
สะเก็ดเงินที่คาบเกี่ยวกับโรคเซ็บเดิร์ม (Sebopsoriasis)หรือScalp psoriasis ลักษณะเป็นตุ่มบนหนังศีรษะ ใบหน้า หู หน้าอก ลอกออกเป็นขุยเหลืองของคราบ
ไขมันสาเหตุเกิดจากโรคเซ็บเดิร์ม (Seborrheic dermatitis) หรือโรคผื่นแพ้ไขมัน
การรักษาผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงิน
ยาทาภายนอก (Topical medications)
ยาทากลุ่มคอติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) เป็นยาทารูปแบบแชมพู ครีม โลชั่นใช้รักษาในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง ใช้ยานี้ติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้ผิวบาง และอาจกดการทำงานของต่อมหมวกไต
ยาทากลุ่มวิตามิน D (Calipotriol) ช่วยทำให้การผลัดเซลล์ผิวหนังเป็นปกติ ลดความหนาของผื่น ใช้ร่วมกับยากลุ่มคอติโคสเตียรอยด์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา
ยาทากลุ่มแอนทราลิน (Anthralin, dithranol) ช่วยชะลอการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ขจัดเซลล์ผิวเสีย อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง สีผิวบริเวณที่ทายาคล้ำขึ้น
ยาที่มีส่วนผสมของน้ำมันทาร์ (Tar) ช่วยยับยั้งการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่เร็วผิดปกติ ช่วยลดอาการคัน อักเสบ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังได้
ยาทากลุ่ม Calcineurin inhibitor (Tacrolimus, pimecrolimus) เป็นยาที่ช่วยทำให้ผื่นสงบลง ลดการสะสมก่อตัวของแผ่นสะเก็ดเงิน ไม่ควรใช้ยานี้เป็นระยะเวลานานเพื่อลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนัง มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
การรักษาด้วยยาชนิดรับประทานและยาฉีด (Oral and injected medications)
ยาชนิดรับประทาน เช่น ยาเมโธเทรกเซท (Methotrexate) ยาอาซิเทรติน (Acitretin) ยาเรตินอยด์ (Retinoids) ยาไซโคลสปอริน (Cyclosporine) โดยยาอาจมีผลข้างเคียง
ยาฉีดกลุ่มชีวโมเลกุล (Biologic agents) ช่วยกดภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยยับยั้งวงจรการเกิดโรคและช่วยให้อาการดีขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์
การรักษาด้วยการฉายแสงอาทิตย์เทียม (UV Phototherapy)
การฉายแสงยูวีบี (UVB Light Therapy) เป็นรังสีชนิดคลื่นแคบที่มีความปลอดภัยสูง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ติดต่อกัน 3 เดือน
การฉายแสงยูวีเอ พูวา (PUVA Therapy) รักษาร่วมกับยาพีโซราเลน (Psoralen) กับผู้ป่วยระดับปานกลางถึงรุนแรง เพื่อชะลอการสร้างเซลล์ผิวใหม่
การฉายแสง Excimer light เป็นรังสี UVคลื่นสั้น 380 nm ประสิทธิภาพสูง ปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ไม่ทำให้ผิวไหม้ และเจ็บปวด
ปรึกษาสุขภาพฟรี โทร 098-924-7165