🎶 เหตุผลของหัวใจ | เพลงฟังสบาย ให้ใจสัมผัสชีวิตและความรู้สึก

เหตุผลของหัวใจ

คุณคิดอย่างไร ถ้าจะบอกว่า
“เหตุผลของหัวใจ คือความรู้สึก”
และ
“ความรู้สึก คือเรดาร์นำทางชีวิต”


ความรู้สึกคือเรดาร์ที่พาเราดำเนินชีวิต
ส่วนความคิด… อาจนำอะไรไม่ได้เลย หากเรา “ไม่รู้สึก”

ลองนึกถึงเวลาที่เราจุ่มมือลงในน้ำร้อนจัดหรือเย็นจัด
แล้วนำมาจุ่มในน้ำอุณหภูมิปกติ
มือที่เพิ่งออกจากน้ำร้อนจะรู้สึกว่าน้ำเย็น
มือที่เพิ่งออกจากน้ำเย็นจะรู้สึกว่าน้ำร้อน
ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าน้ำนั้น “อุณหภูมิปกติ” —
แต่ร่างกายยังไม่เชื่อ
เพราะระบบประสาทยังคงตอบสนองด้วยการเปรียบเทียบกับ
“ความเคยชินในอดีต”

นี่คือภาพสะท้อนง่าย ๆ ว่า “ความรู้” หรือ “ความคิด”
ไม่สามารถเปลี่ยน “ความรู้สึก” และ “พฤติกรรม” ได้ทันที
เมื่อสมองส่วนอัตโนมัติ (ลิมบิก)
รับสัญญาณจากร่างกายว่าเย็นหรือร้อนอย่างไร
สมองก็จะเชื่อแบบนั้นและสั่งการตอบสนองต่อไป
แม้สมองส่วนเหตุผล (นีโอคอร์เทกซ์) จะรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร
แต่ทั้งร่างกายยังคงเดินตามสัญญาณที่ “คุ้นเคย”
เพราะนั่นคือสิ่งที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย

นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนเรามักกลับไปสู่พฤติกรรมเดิม
ตั้งใจลดน้ำหนัก แต่กลับไปกินของเดิมที่ทำให้อ้วน
ตั้งใจออกกำลังกาย แต่หยุดหลังทำได้ไม่กี่วัน
ไม่ใช่เพราะขาดความรู้หรือความตั้งใจ
แต่เพราะสมองและร่างกาย
ยังเชื่อมโยงกับ “ความปลอดภัย”
ไว้กับความรู้สึกเดิม

หากต้องการเปลี่ยนชีวิต
นอกจาก “ฝึกใจ” แล้ว ที่สำคัญกว่าคือ “ฝึกร่างกาย”
ให้คุ้นชินกับความรู้สึกใหม่
จนกว่ามันจะกลายเป็น “ความคุ้นเคยใหม่”
ให้กับสมอง หัวใจ และร่างกาย

-----------

เมื่อหัวใจและสมองตีความ

นิทานเซน: พระตาเดียวกับพระตาดี

มีพระตาเดียว(ตาบอดหนึ่งข้าง)รูปหนึ่ง ได้รับหน้าที่ต้อนรับผู้มาเยือนวัด
วันหนึ่ง พระตาดีผู้คงแก่เรียนมาขอพักค้างแรม
แต่วัดนี้มีกฎว่า ต้องผ่านการ “โต้ปริศนาธรรม” ก่อน
ถึงจะให้เข้าพักได้

ในการโต้ปริศนาธรรม
พระตาดีชูนิ้วหนึ่ง เพื่อหมายถึง “พระพุทธเจ้ามีหนึ่งเดียว”
พระตาเดียวชูสองนิ้วตอบ
พระตาดีเห็นแล้วเข้าใจได้ว่า "ต้องมีพระธรรมด้วย"
จึงชูสามนิ้วกลับไป เพื่อหมายถึง “พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์”
พระตาเดียวตอบด้วยการยกมือชูกำปั้นขึ้น
พระตาดีรู้ได้ทันทีว่านั่นหมายถึง “รวมทั้งสามเป็นหนึ่งเดียว คือพระรัตนตรัย” จึงจะสมบูรณ์
จากนั้นจึงก้มกราบและรีบจากไปด้วยความเคารพ เพราะรู้ตัวว่าตนเองโต้ปริศนาธรรมไม่ผ่าน

ภายหลังพระตาเดียวเข้าไปเล่าให้เจ้าอาวาสฟัง
เจ้าอาวาสถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”
พระตาเดียวตอบว่า "ยังไม่ทันได้โต้ปริศนาธรรมเลย"
“มันยกนิ้วเดียวเยาะว่าผมมีตาเดียว
ผมจึงชูสองนิ้ว แสดงความยินดีที่มันมีครบสองตา
แต่มันกลับชูสามนิ้ว เหมือนจะล้อว่าเรามีตารวมกันสามตา
ผมทนไม่ไหวเลยชูกำหมัดจะต่อยมัน — มันเลยรีบหนีไปก่อน!”

เรื่องนี้ดูเหมือนตลก...
แต่มันคือความจริงของมนุษย์
เรามักไม่ได้เห็นสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง
แต่เห็น “ผ่านสิ่งที่เราเคยรู้ เคยเป็น”
แต่ละคนตีความโลกตามประสบการณ์ของตน
สุดท้ายไม่มีใครเข้าใจใครจริง ๆ
เพราะเรายังไม่รู้เท่าทัน “ใจของตัวเอง”

-----------

สมองและหัวใจ กับสมาธิในชีวิตประจำวัน

คนเราอาจคิดว่าการรู้ธรรมคือการ “คิดและเข้าใจ”
แต่แท้จริงแล้วคือการ “รู้เท่าทันความรู้สึกในใจ”

แม้จะทำสมาธิได้สงบ หรือเข้าถึงสภาวะสูงส่งเพียงใด
ในเวลาที่ไม่มีสิ่งรบกวน
หรือบางคนอาจสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เกินกว่าจินตนาการของมนุษย์ทั่วไป
แต่หากในชีวิตจริง คำพูดและการกระทำ
ยังถูกขับเคลื่อนด้วย “ความอยาก” หรือ “ความกลัว”
ที่เป็นเงาของอดีต โดยไม่รู้ตัว
ยังตอบสนองสิ่งต่าง ๆ ด้วยความเคยชินเดิม
และยังตีความโลกตามสิ่งที่เคยรู้
ก่อนจะเปิดใจดูให้เห็นตามจริง
สมาธินั้นก็ยังไม่กลายเป็น “ปัญญาในชีวิตจริง”

เมื่อเรานำสมาธิมาอยู่ในชีวิตประจำวัน
รู้ตัวในทุกลมหายใจ ทุกคำพูด ทุกการกระทำ
เป็นสติที่แผ่ออกมาผ่านหัวใจที่มีรัก เมตตา และความเข้าใจ
ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
นั่นจึงเป็นปัญญาที่เปลี่ยนชีวิต
และเปลี่ยนโลกนี้ให้สวยงามขึ้นได้

---

ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน หรือทำอะไร
ขอให้มีชีวิตที่มีสติอยู่กับปัจจุบัน
ในทุกลมหายใจ และทุกการกระทำ

---

สิ่งที่น่าสนใจ :

งานล่าสุดของ Gregg Bredon
อธิบายสภาวะคลื่นสมอง ละเอียด ชัดเจน และครอบคลุมมากขึ้น
โดยศึกษาจากการทำสมาธิของพระธิเบต
: คลื่นสมอง Lambda และ Epsilon

   • Once You Enter This Brain State, Everythin...  

พุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์

   • "พุทธศาสนาและวิทยาศาสตร์"  

   • พุทธฟิสิกส์   ปริศนาแห่งความว่างเปล่า  

   • Видео  

   • คำถามที่พระพุทธเจ้าไม่ตอบเกี่ยวกับจักรวาล  


#เพลงเพราะ #เพลงฟังสบาย #เพลงสะท้อนใจ #เหตุผลของใจ
#ชีวิตและความรู้สึก #ความเข้าใจ #ความรู้สึกนำทางชีวิต
#เสียงของหัวใจ #หัวใจกับสมอง