10 เรื่องที่ต้องรู้และเตรียมตัวก่อนวิ่ง Ultra Marathon

Ultra Marathon ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะกับ นักวิ่งทุกคน ต่อไปนี้ คือ แนวทางเพื่อถามตัวเอง และสร้างการเตรียมตัวที่ดี เรียบเรียงจากประสบการณ์ และบทความที่ว่าด้วยเรื่องนี้จากต่างประเทศสกัดเข้มข้นอ่านจบแล้ว เห็นภาพเลยว่าต้องทำอย่างไรบ้าง
.
■ 1. ควรตรวจสภาพร่างกาย ตรวจสุขภาพเฉพาะทางจะดีมาก
การวิ่ง Ultra Marathon เป็นการเล่นกีฬา และออกกำลังกายในระดับ Extreme หรือ “หนักมาก” เกี่ยวข้องโดยตรงกับอวัยวะอย่าง “หัวใจ”
.
ลองนึกภาพการวิ่งระยะทาง 100 กิโลเมตร ที่อัตราการเต้นของหัวใจเต้นเฉลี่ยประมาณ 135 – 155 ครั้งต่อนาที กว่าจะจบเรซหัวใจ เต้นเป็นจำนวนมหาศาล หากหัวใจของนักวิ่งมีอาการผิดปรกติมาก่อน แต่ว่าเราไม่รู้ตัว ไม่ทราบถึงรายละเอียด และไม่ได้ระวังป้องกันข้อนี้สุ่มเสี่ยงอย่างยิ่ง
.
ดังนั้นหากจะคิดการใหญ่วิ่งในระดับอัลตร้าเทรลแล้ว การได้พบคุณหมอเฉพาะทาง เพื่อตรวจหัวใจ หรือว่าทำการทดลองเพื่อหาค่า VO2Max ของตัวเอง เก็บไว้จะเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เชื่อเถอะว่า ข้อนี้จะทำให้คุณลงสนามได้อย่างอุ่นใจ
.
*ในการแข่งขันระดับสากล ทางสนามจะขอใบรับรองแพทย์เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย
.
■ 2. ผ่านประสบการณ์การวิ่งมาราธอนมาก่อน คุณไม่ใช่นักวิ่งหน้าใหม่
ข้อนี้จำเป็นมาก เกณฑ์เวลาการจบมาราธอนควรอยู่ในกลุ่ม 4 – 5 ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ที่เพซ 6, 6:30, หรือเพซ 7 นาทีต่อกิโลเมตร ได้อย่างดี
.
เพราะที่ต้องเจอแน่ ๆ ในการวิ่งระดับอัลตร้ามาราธอน หรืออัลตร้าเทรล คือ จุดคัทออฟ หรือว่า เวลาตัดตัว เราต้องมั่นใจว่าสปีดของเรานั้นสามารถผ่านด่านนี้ไปได้ ก่อนการสมัคร หรือว่าทำแผนการซ้อมที่เราแข็งแรงมากพอจะผ่านด่านเวลาโหดหิน ของแต่ละสนามนั้นได้
.
การที่นักวิ่งเคยผ่านระยะมาราธอนมาหลายครั้ง จะมีความเข้าใจ เรื่องการซ้อม การบริหารเวลาในส่วนนี้ อย่างน้อย ๆ ควรวิ่งมาราธอนมา 4 – 5 งาน มีอายุการวิ่ง 2 ปีขึ้นไป หรือถ้ามากกว่านั้นจะเป็นประโยชน์ต่อตัวนักวิ่งเอง
.
■ 3. มีช่วงเวลาของการเตรียมตัวอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป ซ้อมอย่างมีคุณภาพ
สนามในลักษณะ Ultra Trail Running ที่เป็นสากล ได้กำหนดกติกา การสะสมแต้มจากการวิ่งจบสนามต่าง ๆ เพื่อสามารถนำแต้มมายื่นสมัคร หรือว่าทำการล็อตโตเพื่อเข้าร่วมวิ่งสนามนั้น ๆ
โดยส่วนมากสนามอัลตร้าจะเปิดรับสมัครก่อนการวิ่งเป็นเวลานาน 6 – 7 เดือนล่วงหน้า บางงานล่วงหน้าเป็นปีก็มี ทั้งนี้เพื่อให้นักกีฬา ได้มีการเตรียมตัว มีตารางการซ้อมที่มีคุณภาพ วางแผนทั้งเรื่องการวิ่งและเข้ายิม ตรงกันข้ามการวิ่งอัลตร้าที่ขาดการซ้อม หรือว่าซ้อมไม่เพียงพอ จะมีผลเสียต่อตัวนักกีฬาเอง โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ
.
■ 4. จะดีมาก หากมีโค้ช หรือว่า บัดดี้ที่เทรนไปด้วยกัน
การซ้อมวิ่งระยะอัลตร้ามาราธอน หรืออัลตร้าเทรล กินเวลานาน และมีหลายเซคชั่นมีความยากไม่น้อย เช่น การวิ่งแบบ Back2back ที่เป็นการวิ่ง Long Run (วิ่งยาว 35Km, 40Km ติดกัน 2 วัน)
.
ดังนั้น การที่เรามีโค้ช หรือว่าอย่างน้อยที่สุดมีเพื่อนที่ลงสนามเดียวกันและร่วมฝึกซ้อม ไปด้วยกันจะเป็นแรงกระตุ้นที่ดี การตั้งใจซ้อมคนเดียว ไม่ใช่ไม่ดีครับ แต่การได้เรียนรู้ แลกเปลี่ยนและเป็นกำลังใจให้กันบนเส้นทางอัลตร้ามาราธอน ย่อมเป็นประสบการณ์ที่ดี ของการวิ่งครั้งนั้น ๆ
.
■ 5. วางแผนการทำงาน การเงิน การเดินทาง เขียนใส่กระดาษ
อัลตร้ามาราธอน อัลตร้าเทรลรันนิ่ง ชีวิตจริงไม่ใช่กีฬาราคาย่อมเยา เพราะว่ามีค่าสมัคร การเดินทาง ค่าที่พัก การวางแผนทาง
.
ทางด้านการเงินเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมองก่อนปัจจัยอื่น ๆ เสียด้วยซ้ำ สำหรับเพื่อน ๆ นักวิ่งที่ทำงานประจำ ก็ยังต้องคำนึงถึงวันลางานด้วย
.
ภาพรวม ก็คือ การบริหารทรัพยากรเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์ต่อการลงสนามที่สุด ดังนั้นเราไม่ควรถูกใครป้ายยาเลย จำเป็นต้องคิดถึงรายจ่ายทรัพยากรทั้งหมด ที่เราจะใช้ไปกับการวิ่งครั้งนี้ด้วย ลองวางแผนทุกอย่างลงบนกระดาษ จะดีต่อการเตรียมตัว
.
■ 6. เรียนรู้ถึงอุปกรณ์ที่จำเป็น และไม่จำเป็น รวมถึงเสื้อผ้า อาหาร
เรื่องที่เกิดขึ้นของนักวิ่งอัลตร้ามือใหม่ คือ การสาละวนครุ่นคิดถึงเรื่องอุปกรณ์ ของที่จำเป็นต้องใช้ รวมถึงอุปกรณ์ที่เป็นภาคบังคับของสนามอย่าง Mandatory gear
.
เรื่องจริง คือ เราต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเองว่าอะไรที่เหมาะสม อะไรที่เอาไปแล้วเป็นภาระต่อการวิ่ง ของที่คนอื่นใช้แล้วดี บางทีอาจไม่เหมาะสมกับเราก็ได้
.
ดังนั้น การสร้างความคุ้นเคยและมีประสบการณ์ตรงกับการใช้งานข้าวของอุปกรณ์เหล่านั้น ดูจะเป็นเรื่องที่เราควรทำที่สุด ตัวอย่าง เช่น Headlamp ไฟคาดศีรษะ กระเป๋าสะพายหลังเป้น้ำ เป็นต้น
.
■ 7. อ่านสนามให้เข้าใจ ว่ามีรายละเอียดอะไรอย่างไร
การเข้าใจสนาม เรื่องเกนความสูงต่ำ จุดบริการ จุดพยาบาล จุด Cut Off จุดฝากของ สิ่งแวดล้อมเรื่องภูมิประเทศภูมิอากาศ เป็นเรื่องที่สำคัญของนักวิ่งอัลตร้ามาราธอน
ก่อนลงสนามสอบ นี่เป็นการติวก่อนไปเจอของจริง การอ่านสนามให้เข้าใจจะทำให้เราเห็นตัวเองในสนาม ช่วยมั่นใจว่าเราจะไปถึงเส้นชัยได้อย่างไร ด้วยความพร้อม และความสนุก
.
■ 8. จะดีมากถ้ามี Run Crew ทีมซัพพอร์ต ควรดูแลในจุดที่เรซอนุญาต
งานแข่งระดับ 100 ไมล์ ที่ต้องวิ่งข้ามวันข้ามคืน เป็นเรื่องที่ดีมาก หากว่ามีทีมซัพพอร์ต คอยดูแลและช่วยเหลือ ที่อยู่ภายใต้กติกาของสนาม

■ 9. รู้ว่าตัวเองควรหยุด ก็คือต้องหยุด ฟังเสียงร่างกาย
ข้อนี้ถือว่า เป็นเรื่องที่ยากมาก การวิ่งอัลตร้ามาราธอน เราควรจะมีการตัดสินใจ ที่ถูกต้องที่สุดในทุกๆ สถานการณ์

โดยสิ่งที่ง่ายที่สุดในการช่วยเราตัดสินใจ ก็คือ ความปลอดภัยนั่นเอง เราออกมาทำสิ่งเป็นงานอดิเรก ถึงจะ DNF ก็กลับมาใหม่อีกครั้ง ในวันข้างหน้าได้

■ 10. เขียนบันทึกเก็บไว้ Race Note เป็นสิ่งมีค่า
การผ่านพ้นประสบการณ์อัลตร้ามาราธอน ก็คือ รูปแบบหนึ่งของการเอาชนะตัวเอง ที่นับว่ามีความน่าภาคภูมิใจที่คุณได้วิ่งครั้งที่ไกลที่สุด และนานที่สุด ย่อมมีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้น ทั้งเรื่องที่ถูกต้องประทับใจ และแน่นอนว่าย่อมมีเรื่องที่ผิดพลาด