AP Law 103 วิเคราะห์คดีดังฝรั่งเศส “เฒ่าหื่นวางยาภรรยาตนเองให้ชายอื่นข่มขืนนับ 10 ปี”

AP Law 103 วิเคราะห์คดีดังฝรั่งเศส “เฒ่าหื่นวางยาภรรยาตนเองให้ชายอื่นข่มขืนนับ 10 ปี”
เมื่อวันที่ 10 กันยายน จากกรณีชายชาวฝรั่งเศสวัย 71 ปี ถูกนำตัวขึ้นศาลในข้อหาวางยาภรรยาวัย 72 ปีของตนเองให้สลบ ก่อนให้คนแปลกหน้าถึง 50 คนที่เขาเสาะหาผ่านออนไลน์ข่มขืนเธอ ซึ่งเป็นคดีที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วประเทศฝรั่งเศส โดยมีการข่มขืนเกิดขึ้นทั้งหมด 92 ครั้ง โดยชาย 72 คน ซึ่ง 51 คนในจำนวนนี้มีการระบุตัวตนได้แล้ว ชายเหล่านี้มีอายุระหว่าง 26-74 ปี ถูกกล่าวหาว่าข่มขืนหญิงชรา ที่ทนายความของเธอระบุว่า ถูกวางยาสลบอย่างหนักจนไม่รู้ตัวว่าถูกทารุณกรรมมานานกว่าทศวรรษ ล่าสุด สามีของหญิงเคราะห์ร้าย เผยต่อศาลว่า มีความพึงพอใจ เมื่อดูผู้ชายอื่นมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาตัวเองที่หมดสติอยู่ โดยภริยาซึ่งเป็นผู้เสียหายนั้น ได้เปิดเผยว่า ตนไม่รู้เห็นการกระทำดังกล่าวแต่อย่างใด และไม่ได้แกล้งหลับ
ทั้งนี้ ภรรยาซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ ได้เปิดเผยว่า ตนทราบการกระทำความผิดของสามีเมื่อตำรวจได้เรียกเธอไปสอบสวนเพื่อพฤติกรรมทางเพศของสามี ที่ในคราวแรกนั้นสามีของเธอได้แอบถ่ายใต้กระโปรงผู้หญิง แต่ต่อมาเมื่อตำรวจได้สืบสวนไปเรื่อย ๆ ก็พบภาพของตนเองใส่ชุดเสื้อผ้าที่แปลกประหลาด จนตนเองไม่สามารถทนได้ต้องร้องขอให้ตำรวจหยุดเปิดไฟล์ภาพให้ตนดู ล่าสุดในคดีนี้ ตำรวจสืบสวนแล้วพบผู้ต้องหามากกว่า 50 คน ที่ถูกนำตัวมาขึ้นศาลเพื่อพิจารณาคดีนี้ และภรรยาซึ่งเป็นผู้เสียหายได้สละสิทธิ์ที่จะปกปิดตัวตนในการพิจารณาคดี กรณีจึงมีประเด็นต้องวิเคราะห์ โดยเปรียบเทียบกับกฎหมายไทยดังต่อไปนี้
1.การกระทำของสามีและชายอื่น ๆ เป็นความผิดตามกฎหมายใด
การกระทำของสามีที่ให้ชายอื่น ๆ ที่ให้ชายอื่นเข้ามาข่มขืนกระทำชำเราภริยาของตนเอง ในส่วนของบุคคลที่เข้ามาข่มขืนกระทำชำเรานั้น ย่อมมีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 เนื่องจากเป็นการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากภรรยา ซึ่งเป็นผู้เสียหาย และมีการล่วงล้ำอวัยวะเพศ จึงเป็นความผิดสำเร็จในฐานข่มขืนกระทำชำเราแล้ว แต่ทั้งนี้การกระทำความผิดของชายทั้ง 51 คน จะไม่มีลักษณะเป็นการโทรมหญิง เนื่องจากพฤติการณ์การกระทำในคดีนี้ ได้กระทำชำเราทีละคน ต่างเวลากัน มิได้กระทำในลักษณะที่ผู้ร่วมกระทำตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปร่วมกันรุมข่มขืนกระทำชำเราหญิงโดยผลัดกันกระทำชำเราด้วยตนเอง จึงไม่เข้าลักษณะการโทรมหญิง อันเป็นเหตุเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรค 3 แต่ในส่วนของสามีนั้น เนื่องจากไม่ได้ลงมือกระทำความผิดด้วยตนเอง แต่ได้มีการชักชวนชายอื่นๆ ให้มาข่มขืนภรรยาของตนผ่านช่องทางออนไลน์ การชักชวนนี้ถือว่าเข้าข่ายก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด อันเป็นผู้ใช้ตามมาตรา 84 ซึ่งในกรณีนี้ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราที่ตนเป็นผู้ใช้ได้ทำเป็นความผิดสำเร็จแล้ว สามีซึ่งเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดก็จะต้องรับโทษเสมือนตัวการที่ลงมือกระทำความผิด ทั้งนี้เมื่อการใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดของสามีได้กระทำหลายครั้งหลายคราว ก็จะถือว่าเป็นการกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระ ต้องลงโทษเรียงทุกกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91
2.การดำเนินคดีเกี่ยวกับเพศตามกฎหมายไทย เป็นอย่างไร
การดำเนินคดีเกี่ยวกับเพศ ในการสอบสวนนั้น การถามปากคำผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิง ให้พนักงานสอบสวนซึ่งเป็นหญิงเป็นผู้สอบสวน เว้นแต่ผู้เสียหายนั้นยินยอมหรือมีเหตุจำเป็นอย่างอื่น และให้บันทึกความยินยอมหรือเหตุจำเป็นนั้นไว้ ทั้งนี้ ผู้เสียหายจะขอให้บุคคลใดอยู่ร่วมในการถามปากคำนั้นด้วยก็ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 133
ในส่วนของขั้นตอนการสืบพยานนั้น ตามปกติแล้วการสืบพยานจะต้องกระทำโดยเปิดเผย แต่ทั้งนี้ เนื่องจากข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นคดีข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่งการพิจารณาคดีโดยเปิดเผยนั้นจะกระทบต่อความเป็นส่วนตัวต่อผู้เสียหาย ศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้พิจารณาคดีเป็นการลับได้ เมื่อเห็นสมควรหรือคู่ความฝ่ายใดร้องขอ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 177 ซึ่งการพิจารณาคดีเป็นการลับนั้น ผู้ที่มีสิทธิอยู่ในห้องพิจารณาคดี ได้แก่ คู่ความทั้งสองฝ่าย ทนายความโจทก์ ทนายความจำเลย ผู้ควบคุมตัวจำเลย พยานและผู้ชำนาญการพิเศษ ล่าม บุคคลผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้อง พนักงานศาล หรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาล ตามมาตรา 178
เนื้อหาโดย
กิตตินันท์ จารุกิจไพศาล
นบ.ธรรมศาสตร์
ทนายความ